วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Hifi Shops in Bangkok


หากจะกล่าวถึงย่านเครื่องเสียงในกรุงเทพฯแล้วนั้นเราก็อาจจะแบ่งออกได้หลายชนิด แน่นอนว่าเครื่องเสียงแบบ 2 Channels นั้นได้ตายสนิทจากแผนกเครื่องเสียงห้างไปเรียบร้อยโรงเรียน Home Theater ไปหลายปีแล้ว และเด็กรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ก็ไม่สน Hifi Seperated หรือเครื่องเสียงแยกชิ้น กันเสียด้วยเพราะตกเป็นเหยื่อของ MP3 หรือดีหน่อยก็ iPod ซึ่งก็หันไปคบหาตกร่องปล่องชิ้นไปกับหูฟังกันหมด ซึ่งผู้นำของศิลป์การขายหูฟังในประเทศนี้เห็นจะไม่มีใครเกิน www.munkonggadget.com ไปได้ เพราะด้วยลีลาการขายหูฟังระดับ "พระกาฬ" แต่ละชนิดของเขาเล่นเอาผู้อ่านเคลิบเคลิ้ม ตกหลุมรักเฮียมั่นคงกันถ้วนหน้าตั้งแต่เด็กหัดฟังไปจนถึงผู้ใหญ่วัยเกษียณ เรียกได้ว่า เฮียมั่นคงเจ้าของเอกลักษณ์ หัวโล้น แว่นดำ หมวกลุง สะพายกระเป๋าหน้ากาก Gas Mask รุ่น Indiana Jones นี่แหละตัวจริงเสียงจริงในยุทธจักรหูฟัง ใครอยากรู้ว่าหูฟังที่มีนามว่า "พระกาฬงานเหล็ก" "พระกาฬเรียกพ่อ" นั้นเป็นยังไงก็ต้องแวะไปชมเว็ปแกซะหน่อย ส่วนร้านแกก็มีหลายสาขา ลองแวะไปดูก็แล้วกัน ที่ใกล้ๆในเมืองก็เห็นจะเป็น Digital Gateway @ Siam Square นั่นเอง

แต่เดิมนั้นดงเครื่องเสียงนั้นอยู่ที่ โซโก้ หรืออัมรินทร์พลาซ่า ตรงแยกราชประสงค์ ซึ่งก็ไม่ได้ไปเดินหลายปีแล้ว ที่เห็นหลงๆเหลือๆอยู่ก็เป็นแบบระดับเริ่ดๆ พวก Martin Logan, Revel อะไรทำนองนั้น

มีช่วงนึงราวๆ 7-8 ปีมาแล้ว กลุ่มผู้ค้าเครื่องเสียงแบบแจ๋วๆก็รวมตัวกันย้ายไปรวมกันที่แถวๆสุขุมวิท ซอย 2 ตึกชื่ออะไรก็จำไม่ได้แล้ว แต่สะดวกมากๆที่จะเข้าไปทีเดียวมีร้านค้าเป็น 10 ร้าน แต่ด้วยการณ์เปลี่ยนไปก็ย้ายกันอีกรอบ คราวนั้นย้ายไป อยู่ตึกโรบินสันเก่าหลัง BigC ราชดำริ ใช้ชื่อกันว่า HiFi Center ดูโก้เก๋ไม่เบา คราวนี้สมบูรณ์ลงตัวเพราะ ทั้ง 4 ชั้นนั้นเป็นเครื่องเสียงชั้นดีครบทุกชั้น ชอบมากๆ แต่ในที่สุดก็พบว่า โลก Hi Fi มันตายไปแล้วจริงๆ ต้องแยกย้ายกันไปตามระเบียบ(อีกรอบ)

แต่ก็อย่างว่า โลกของ Hi Fi 2 Channels มันตายไปแล้ว เป็นโลกที่น้อยคนนักจะเข้าถึงเรียกได้ว่า จับคนไทยมาสัก 100 คน คงมีแค่ 5 คนเองมั้งที่มีเครื่องเสียงระดับแยกชิ้น ยิ่งเป็นแบบ Hi End น่าจะเหลือแค่ 1-2 คนเองมั้ง (นี่มองโลกในแง่ดีแล้วนะ) เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่เอาเงินไปซื้อชุด Home Theater น่าจะมีมากกว่า 14-15 คน ส่วนคนเล่นเคร่ือง MP3 พกพาน่าจะมีถึง 40 คนด้วยซ้ำ ทำให้รายรับของร้านที่ขายเครื่องเสียงจริงๆมัน......พระกาฬเรียกไปเฝ้าจริงๆ

ที่เป็นราชันย์ของย่านร้าน Hi Fi ก็เห็นจะไม่พ้น KS&Sons ที่เปลี่ยนแผนไม่ร่วมเกาะกลุ่มกับร้านเครื่องเสียงแล้ว แต่เน้นเปิดร้านในห้างหรูๆระดับท้อปๆ เน้นลูกค้ากระเป๋าหนักๆ เพราะของเค้าขายนั้นราคาระดับรถยนต์หรือคอนโดไปโน่น อาทิ McIntosh จาก USA , MBL จากเยอรมนี และ Sonus Faber จากอิตาลี พบเจอได้ที่ Siam Paragon & Crystal Design Center

ซึ่งในห้างอย่าง Paragon นั้นเครื่องเสียงพวก Lifestyle ดูจะไปได้ดีกว่าเพื่อนอาทิ BOSE และ Bang& Olufsen ส่วนเครื่องจากญึ่ปุ่นเองก็กระจายตัวไป

บอกตามตรงว่า ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าร้านค้ามากมายเหล่านั้นจะกลับมารวมกันเป็น อาณาจักร HiFi ได้อีกทีเมื่อไร แต่ที่แน่ๆมีสถานที่หนึ่งที่น่าจะเข้าข่ายอาณาจักรเครื่องเสียง และผมก็ไปเดินประจำนั่นก็คือ Fortune Town นั่นเอง

สำหรับท่านที่ไม่รู้ว่า Fortune มีอย่างอื่นนอกจาก Computer Computer และ Computer นั้น ชั้น 3 ฝั่งไปทางโรงแรม Mercure นั้นเป็นโลกของเครื่องเสียงและอุปกรณ์นะครับ

ร้านเครื่องเสียงที่ Fortune นั้นมีหลากหลายรูปแบบ แต่ที่แน่ๆไม่มีแบบบ้านๆแบรนด์ญี่ปุ่นแน่ๆ เค้าเน้นเครื่องซีเรียสกันครับ มีให้เลือกทั้งแบบมือหนึ่ง และมือสอง รวมไปถึง สายสัญญาน สายลำโพง อุปกรณ์ปรับสภาพ Acoustic และแผ่นเสียงไวนีล นานาชนิด

ร้านที่ผมและไปบ่อยๆก็คือ "สวนเสียง" ผู้แทนจำหน่าย เครื่องเล่นแผ่นเสียงยี่ห้อ Project, VPI, Nottingham Analoque และสุดยอดลำโพง Broadcast Monitors จากประเทศอังกฤษแบรนด์ Harbeth รวมไปถึงลำโพงเยอรมันเสียงอัศจรรย์อย่าง Duevel และแอมพ์ทั้งระดับหนุ่มใหญ่นิยมอย่าง Creekและ ระดับป๋าอย่าง Conrad Johnson ร้านบรรยากาศง่ายๆสบายๆ พี่ที่ร้านก็ดูเก๋าๆดี ชิลล์ๆ ที่แวะไปบ่อยไม่ได้แวะไปซื้อหรอก แต่เอาเครื่องที่มีอยู่ไปซ่อม เพราะร้านนี้แกมีบริการซ่อมด้วยครับ (ที่เห็นในรูปนั่นแหละพี่สุดเก๋าที่ผมว่าแหละ จะพบแกนั่งอยู่กับ Laptop ของแกทั้งวันนั่นแหละ)

อีกร้านที่ไปบ่อยก็คือ Bom Bom ร้านขายสายลำโพง ที่ของเยอะ แต่หากจะมานะครับ ร้านเปิดสายมากนะครับ บ่ายโมงยังไม่เปิดเลย และปิดวันจันทร์ด้วย ช่างในร้านไม่ค่อยพูดค่อยจานะครับ ถ้าจะหวังบริการเป็นกันเองก็ต้องเข้าใจว่าพี่แกกันเองแบบของแกนะครับ อย่าคิดมาก แต่งานดีนะครับ ราคาก็ OK

ใกล้กันนั้นก็จะมีร้านของ PRS หรือ HiFi Club ซึ่งเชี่ยวชาญงาน Acoustic ห้องฟัง บรรยากาศร้านอาจไม่น่าเข้าเพราะเจ้าของร้าน ออร่า แรง ถ้าไม่เข้าไปซื้อก็อย่าเดินเข้าไปเลย

อีกร้านก็คือ เปเล่ ซึ่งเปิดน้อยกว่าปิด มีของดีๆเพียบร้าน แต่จะเปิดให้คุณเข้าไปเดินเล่น ลองฟัง มันแล้วแต่ดวงนะ เพราะเห็นอยู่หลัดๆว่าเปิด หันหลังให้แป้บเดียวมันปิดอีกแล้ว ใครชอบเล่นของแรงๆร้านนี้มีเยอะ ทั้งมือหนึ่งมือสอง

อีกหนึ่งที่มีของมือสองเจ๋งๆเต็มร้านก็คือ ฺBangkok HiFi ใครชอบของมือสองต้องร้านนี้เลย แต่ราคาไม่ถูกนะ เพราะของคัดครับ ซี้ดๆทั้งนั้น จะหาของญี่ปุ่นถูกๆไม่มีหรอกครับ แต่ถ้าจะหา Quad, Mark Levinson, Dynaudio, Marantz Vintage มือสองต้องนี่เลย ร้านมีเด็กเฝ้าร้านสองคน คนนึงตัวดำๆผอมๆใส่แว่น ท่าทางจบเพาะช่าง ไอ้นี่พูดจากวนบาทามาก มะนาวไม่มีน้ำ ไม่มีมารยาท แต่ถ้าคุณโชคดี (ซึ่งเชื่อว่าส่วนใหญ่คุณจะโชคร้าย)จะได้พบกับน้องอีกคนชื่อว่า "ใบไผ่" เห็นชื่อน่ารัก มันเป็นผู้ชายนี้แหละครับ แต่คนนี้ Service Mind เกินร้อย คุยสนุก ความรู้เพียบ คุยกับใบไผ่นานๆเข้ารับรองว่าเสียตังค์ ที่ร้านนี้ไม่ได้ตังค์ผมซะทีก็เห็นจะเป็นว่าส่วนใหญ่ผมจะเจอไอ้กร้วกเพาะช่างซะมาก ฮ่า ฮ่า อย่าหวังว่าจะตังค์กูเลย ร้านนี้มีของเด็ดอีกอย่างก็คือ Digital Music Server ที่คิดค้นขึ้นเอง น่าใช้มากๆครับ ติดที่แพงไปหน่อย แต่ดีน่ะดีแน่ๆ

รอบๆร้าน Bangkok Hi Fi ก็จะเป็นร้านขายแผ่นเสียงซึ่งมีการแบ่งกันนะครับ ร้านนึงก็จะแนว Jazz Classic ส่วนอีกร้านเน้นแนว Rock, Heavy Metal จำชื่อไม่เคยได้เพราะไม่ได้เล่นแผ่นเสียงนี่เอง

เดินลึกเข้าไปอีกหน่อยก็จะเจอกับร้าน Nik's Studio ตัวแทนจำหน่ายลำโพง Reference 3A และแอมพ์ Antique Sound Lab รวมถึงมหากาฬลำโพงอีกหลายรุ่น ร้านนี้ดำเนินการโดยคุณ ณัษฐ์ ผู้ซึ่งบอกตามตรงมีวาจาที่เย็นชา แดกดันและกวนบาทา ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าไอ้เด็กเพาะช่างนั้นสักเท่าไร แค่เปลี่ยน version และ Rhythm จากRock&Rolls มาเป็นแบบ Classic เท่านั้นเอง นี่ขนาดเป็นลูกค้าอุดหนุ่นไปหลายตังค์แล้วยังกวนไม่เลิก ผมคิดว่าจะเลิกเดินเข้าแล้วล่ะ

ลึกเข้าไปอีกจนสุดกำแพง คุณจะพบกับ Hi Fi Hut และน้องคนดูแลสุดหล่อ ขาว ตี๋ มีการศึกษา แต่งตัวเนี้ยบ พูดจาเย็นชานิดๆ คิดว่าคงไม่ค่อยได้เจอผู้คนเท่าไร (ฮ่า ฮ่า) ร้านนี้เค้าขายอุปกรณ์ Tweak หรืออุปกรณ์เพื่อการ โมดิฟายอัฟพลังเสียง มีทั้งแบบพอจะมีสาระ และแบบไม่น่าจะมีสาระหลายชนิด

จริงๆก็มีอีกหลายร้านนะครับ แต่จำชื่อไม่ได้ เพราะไม่เคยเดินเข้าไป

ปัญหาของร้านเครื่องเสียงที่เจอส่วนใหญ่ก็คือ ไม่รู้ว่าเขาอยากจะขายของรึเปล่า ทำไมไม่รู้คัดแต่ตัวกวนๆมาดูแลร้าน ซึ่งก็เชื่อว่าน่าจะดูแลได้ดีนะ เพราะเครื่องที่โชว์อยู่น่าจะอยู่ครบ ไม่มีคนเอากลับบ้าน ฮ่าฮ่า


หวังว่าที่แอบด่าไป จะไม่มีใครแถวนั้นรู้นะว่าผมเป็นใคร ไม่งั้นเดินๆอยู่อาจจะหัวแตกได้ 555

1 ความคิดเห็น:

  1. ส่วนใครที่อยากจะเล่นของดีราคาเบาลงหน่อย ก็มีเว็ป www.noom-hifi.com ตลาดเครื่องเสียงมือสองที่คึกคักที่สุดของเมืองไทยให้ลองเข้าไปทัศนานะครับ

    ขอแนะนำว่า ลำโพงดีๆนี่อายุเกิน 10 ปีก็ยังสบายๆนะครับ ของผม 30 ปียังพริ้วเลย
    แอมพ์ นี่ก็ไม่ต้องกังวลสบายๆ

    ส่วน CD ซื้อมือหนึ่งเถอะครับ มันใจเสาะ

    ตอบลบ