ผมเคยเป็นคนนึงที่เล่นเองฟังเองมานานเป็น 20 ปี จนกระทั่งเจอรุ่นพี่คนนึงที่เว็ป siamsubaru เค้าแนะว่า จะเล่นให้สนุกต้องมีเพื่อน ซึ่งผมก็ว่าจริงเหมือนกัน
คงจะต้องท้าวความกลับไปไกลเหมือนกัน ว่ามาเล่นเครื่องเสียงได้อย่างไร เพราะแต่ก่อนตอนเราเป็น นักเรียนใส่ขาสั้น เมื่อ 20 ปีกว่าก่อน จะไปหาคนเล่นเครื่องเสียงในโรงเรียนก็หาไม่ค่อยจะมี ส่วนใหญ่จะเล่นดนตรีซะมากกว่า พวกเล่นเครื่องเสียงที่เห็นก็คือเพื่อนนั่งข้างๆคนเดียว ชุดเครื่องเสียงชุดแรกที่ได้สัมผัสก็คือ MiniCompo ของ Sony รุ่นวูฟเฟอร์ สี่เหลี่ยม 280W แบบยอดนิยมที่เพื่อนคุณพ่อเค้ายุให้ซื้อเข้ามาในบ้าน ตอนเด็กๆเราก็ว่าแหมแจ๋วไปเลย เสียงดีเหลือเกิน มี EQ ปรับได้ 7แบนด์จนกระทั่งไปได้ยินเครื่องเสียงเก่าๆของคุณอาเขยที่เขาใช้ รีซีฟเวอร์ Luxman กับลำโพง Roger LS3/5A เท่านั้นแหละงานเข้าเลย!
ไอ้เสียงของ Sony ใหม่เอี่ยม เมื่อเทียบกับ Luxman เชยๆนั้น เสียงที่เราเคยคิดว่าว่าเพราะพริ้งนั้นกลับกลายเป็นขยะไปในทันที เพราะเสียงจากเครื่องเก่าๆนั้นทำเอาอ้าปากค้าง ทำให้เราติดเบ็ดเขามาในโลกของ Hi-Fi ในทันที
หลังจากงานเข้าในครั้งนั้น เราก็หาทางอัพเกรดวิทยฐานะในทันที วิธีการที่ดีที่สุดของเด็กๆก็คือ "อ้อน" พร้อมชักชวนให้บุพการีเห็นคล้อยตามในการที่จะมีเครื่องเสียงดีๆในบ้านกะเค้าบ้าง ผลพลอยได้คือ
NAD 3225PE+ Teac cassette deck+ Polk Audio RT-7 (รุ่น 2ทางครึ่ง มีพาสซีพเรดิเอเตอร์ 10 นิ้ว)
ตอนแรกๆก็ดีล่ะครับ เสียงใส หวาน กุ้งกิ้ง มากดีใจสุดๆ
เอามาจับใส่ตู้โชว์ที่ทางคนทำอินทีเรียเค้าทำช่องใส่ลำโพงไว้สองข้าง ช่องเดิมนั้นใส่ลำโพง Fisher ของคุณพ่ออยู่ โอ้ยเสียงอู้มากๆ ไม่ได้เรื่องเลย ไม่เห็นเหมือนที่ร้านเลย มิติสเตอริโออะไรไม่รู้จักเลย สับสนชีวิตมาก อย่าลืมนะครับ 20 ปีที่แล้วข้อมูลอะไรให้ศึกษามันไม่รู้อยู่ไหน ไม่มี Net ไม่มีสารพัด (ลำโพง Fischer ของพ่อผมสายลำโพงยังเป็นสายโทรศัพท์เลย! พระเจ้า!!!)
ปรึกษาร้านๆก็แนะนำให้หาขาตั้งมาจัดวางใหม่ คราวนี้ดีขึ้น แต่เสียงก็ดันเจาะแจะ บาดหูเอาซะจริงๆ ย้ายห้องก็แล้ว หาพรมมาปูก็แล้ว แถมฟังไปฟังมาไม่มี Bass ซะอีกแฮะ หงุดหงิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น