วันอังคารที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2553

ความตั้งใจของข้าพเจ้า

อยากจะชวนคนที่ชอบเครื่องเสียงเหมือนๆกัน ไปลองฟังเครื่องต่างๆ ที่ต่างๆ เปลี่ยนบรรยากาศไปเรื่อยๆ น่าสนุกดีจัง
เพราะการไปลองฟังที่บ้านพี่หนุ่ย subaru แท้ๆ ทำให้ผมอยากจะกลับมาฟังเพลงอีกครั้ง

บ้านพี่หนุ่ยมีเครื่องเสียงเป็นตั้งๆเก่าๆใหม่ๆมั่วๆ มีลำโพงนับ10 คู่ ยี่ห้อมั่วๆ แต่ดูไปดูมา โอ๊ะมีของดีนี่นา เอามาลองต่อดู เฮ้ย เจ๋งว่ะ แถมพอได้ลองลำโพง Horn โรงหนัง ของ Celestion แทบตกเก้าอี้ เสียงใหญ่มากๆ เสียง Sax สมจริงสุดๆ ทำให้วิธีคิดของผมเปลี่ยนทันที

เราไม่จำเป็นต้องตามหาเสียงในอุดมคติก็ได้ แต่การได้รับรู้เสียงแบบต่างๆกัน ก็เพลิดเพลินดีไม่หยอก


เหมือนกับว่าไม่ต้องมีเมียเป็นนางงามจักรวาลก็ได้ แต่ขอมีกิ้ิกหลายๆคน 5555
(ล้อเล่นนะครับ)


ถึงวันนี้


ช่วงของชีวิตทำงานแรกๆเราก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันเท่าไรเพราะไม่มีเวลา แถมพ่อแม่แก่ตัวขึ้นก็เริ่มไม่ค่อยชอบที่จะให้ใครเปิดเพลงในบ้านซะด้วย
ต้องรอมีบ้าน! ผมคิด

และพอมีคอนโด (บ้านรอไปก่อน)เป็นของตัวเองก็ได้มีโอกาสกลับมาดูมาฟังอีกครั้ง ซึ่งพอเราทำงานทำการอยากได้อะไรมันก็ไม่ยากเหมือนตอนเด็กๆที่ต้องไปอ้อนคนนู้นคนนี้แล้ว อยากได้อะไรก็จัดไปเลย โชคดีที่เมียเข้าใจ อิอิ

System ตอนนี้ประกอบด้วยเพื่อนยาก
TAS Angela+ VTL 55w ที่ผมว่าลงตัวมากๆ ไม่คิดว่าจะต้องเปลี่ยนแต่ประการใด


CD ตอนนี้เป็น Audio Space ภาคขยายเป็นหลอด ซื้อมาจากฮ่องกง ยี่ห้อนี้เป็นแบรนด์ที่ปรากฏในฉากภาพยนตร์อมตะของฮ่องกง "2คน 2คม ภาค 2" ที่แสดงโดยเหลียงเฉาเหว่ย กับ หลิวเต๋อหัว ฉากแรกเลย ที่ 2 คนนั่งคุยกันตอนซื้อเครื่องเสียง ยี่ห้อที่เฮียหลิว ซื้อไปก็ Audio Space นี่แหละ ผมไปเจอร้านนี้โดยบังเอิญ และได้ CD หลอดเครื่องนี้ติดมือ เสียงนี่ไม่ผิดหวังจริงๆ นุ่ม ใส ไม่บาดหู

ลำโพง เป็น Reference 3A Veena ที่หวานซึ้งตรึงใจไม่รู้ลืม ได้ฟังยี่ห้อนี้เป็นครั้งแรกที่ร้า่น Nik's Studio พอได้อ่่านเรื่องราว แนวคิดยิ่งประทับใจ เป็นลำโพงที่มีแนวคิดฉีกแนวมาก แถมเสียงก็เฉียบขาดจริงๆ ใสสะสาด ตอบสนองฉับไว ได้คู่นี้มาราคาดีมากจาก Internet ประหยัดไปหลายหมื่นอยู่

มี SUB Velodyne CTR 8 เอาไว้เผื่อฉุกเฉิน 555

แต่มีแอมพ์ Transister เอาไว้เล่นขำๆอีกเครื่องคือ Arcam Alpha 9 ที่คันก็เลยประมูลมาจาก eBay มาเล่นๆ เสียงไม่เลวเหมือนกันเก็บไว้เพื่อหาลำโพงอะไรมาต่อเล่น ตอนนี้วันไหนอยากกินไฟน้อยก็ต่อ Veena กับ Arcam ก็ฟังได้สบายๆ

ส่วน ProAc กับ Sony CDP900E นั้นลูกศิษย์ที่สนิทกันรับมรดกไปดูแลต่อสบายไป


จบแค่เพียงเท่านี้กับการเดินทาง 20 ปีในโลกเครื่องเสียงของผมครับ :-)



อ้อ ลืมบอกไปว่า วาระสุดท้ายของ Kelly ก็คือ ไอ้แม่เหล็กนั้นมันก็หลุดเอาหลุดเอา จากแผลที่ยัยแฟนเก่าทำไว้ ไม่เคยจะลืมเล้ย แถมน้องหมาก็แอบมาฉี่สะสมไว้แบบไม่บอกกล่าวนานปีทำให้ตู้ฐานบวมเอาๆ ก็เลยจบชีวิตไม่โสภานัก

ขืนยังเก็บไว้ก็มีแต่จะคิดถึงแฟนเก่าแสนทุเรศของผมคนนั้น แถมยังจะต้องเกลียดน้องหมาแบบที่จับจู๋ใครดมไม่ได้ เพราะมันมีหลายตัวเหลือเกิน

คติของผมคือ ถ้าของไม่ดี ไม่ขายให้ใครเด็ดขาด ยกให้ฟรีๆดีซะกว่า ผลก็คือรปภ.ของตึก condo ได้ไปเป็นเจ้าของในที่สุด ถ้าเค้าเอาไปต่อแบบโมโนฟังหมอลำก็คงจะม่วนแท้

ตำนานบทใหม่ในต่างแดน 2




อีกเครื่องที่ผมถอยมาก็คือ DAC ของ Musical Fidelity X-DAC อันโด่งดัง เป็น external DAC ที่รุปร่างทรงกระบอกสวยงาม แต่ฟังแล้วก็งั้นๆไม่เห็นต่างอะไร (สงสัยลำโพงห่วยเลยฟังไม่ออก)
แต่วันดีคืนดี มันเสียงพร่าซะงั้น เพื่อนร่วมบ้า่นก็บอกว่าจริงว่ะเสียงพร่า

ก็เลยเอาไปที่ โรงงานของ Musical Fidelity เพื่อซ่อม ย้ำ โรงงา่นนะครับไม่ใช่ร้าน ตอนแรกก็ต้องรับขับสู้อย่างดี ให้ไปนั่งรอที่ห้องอ้างอิงที่เล่นด้วย แอมพ์ Monoblock ตัวมหึมาขับลำโพง KEF Ref107 โอ้วพระเจ้าเสียงถึงอกถึงใจอย่างที่สุด แต่ผ่านไปซักพัก เจ้าหน้าที่เดินกลับมาบอก ไม่เห็นเป็นไรนี่? ลองดูซิ เอไม่เป็นไรแฮะ ไม่เป็นไร ก็ไม่เป็นไร เค้าคงไม่เจอ

พอกลับไปบ้านฟังไปฟังมา ออกอาการอีกแล้ว คราวนี้เอากลับไปอีก มันบอกมาอีกแล้ว หูฝาดรึเปล่า เฮ้ย 4 หูเลยนะเว้ย

ทะเลาะกันนาน หลายสัปดาห์ เราจะไม่เอาเครื่องแล้ว ขอเงินคืน ค่าเสียเวลา มันก็บอกว่า มันก็ไม่อยากได้เราเป็นลูกค้า จริงๆนะครับ บริษัทห่านั้นมันบอกว่า มันไม่สนใจเรามีคนชอบมันอีกหลายคน มันรักเฉพาะลูกค้าที่รักมัน เหมือนนักการเมืองบางคนจริงๆพับพ่า

ความสัมพันธ์ระหว่าง Musical Fidelity ขาดสะบั้นลง ไปตายที่ไหนก็ไปเหอะบริษัทนี้
ว่าแล้วก็เรียนจบผมอัปเปหิเครื่อง X-A1 ออกไปในราคาถูกแสนถูก เพราะเกลียดมัน!!!!! (นึกๆดูเก็บไว้ก็ไม่เป็นไรนี่หว่า)

กลับมาเมืองไทย เครื่องเสียงเรา Oxide ขึ้น Cambridge เจ๊งเพราะไม่มีใครเล่นเลย ดับถาวร amp จมกองฝุ่น ไม่เป็นไรเราเอาของหลายๆอย่างกลับมาจาก UK
ตอนนั้น (1999) system เป็นดังนี้

Sony CDP900E+ Tas Angela+VTL 55w+Kelly สลับกับ ProAc

มีชุด Surround มาดูหนังเพิ่มด้วยเพราะเงินที่ขายของหลายๆอย่างก่อนกลับบ้าน รวมถึงแอมพ์ X-A1 ด้วย ก็คือ
ลำโพง Mission 771 และ Center +Surround Processor Yamaha 492
เอามาเล่นกับ Tas Monoblock และ Sub Cerwin ได้ลงตัวเหมือนกัน ยังใช้อยู่ถึงวันนี้ที่บ้านพ่อ

ตำนานบทใหม่ในต่างแดน


พอตอนไปเรียนต่ออังกฤษ ก็กะว่าจะไม่ซื้ออะไรแล้วนะ ประหยัดๆหน่อย
ตบะแตก....T__T

อ่าน อ่าน อ่าน เค้าว่าอะไรดี อะไรคุ้ม อ่าน อ่าน อ่าน
Rotel Amp+ TDL ลำโพง Transmission Line ที่มีจุดเด่นที่มีการ tune ท่อเบสให้วกวนยาวกว่าปกติแล้วเสียงต่ำจะลึกขึ้น+ Turntable Technic เรามันนักศึกษาด้าน design มันต้อง ART ฟังแผ่นเสียงดิ 555

ฉิบเป๊ง ใช้ยากว่ะ ไม่ทันใจวัยรุ่น หา CD มาใช้ดีกว่า ได้ เครื่อง CD แสนซื่อสัตย์ Sony CD900E แบบหัว Laser Fix กับที่ มาจาก Richer Sound ที่นักเล่น UK รู้จักกันดีว่า ขายถูกและดี

พบว่า Transmission Line ฟังดูตอนแรกไม่เจี้ยวจ้าว เบสดี แต่ไปๆมาๆง่วงไปซะ
คงสงสัยว่า ทำไมไม่เล่น B&W ไปล่ะ ตอบตามตรงว่า ถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจเสียง B&W อยู่เลยครับ ทั้งๆที่รุ่น Matrix ตอนนั้นหน้าตาผิวพรรณโดนใจมากก็ตาม แต่เวลาฟังแล้วไม่โดนใจเลยครับ
ก็เลยเป็นที่มาของลำโพงตัวที่สองในลอนดอน
ลำโพงตัวที่สองนั้นราคา 350ปอนด์ เป็นลำโพง Dynaudio รุ่นใช้ในสตูดิโอ มือสองครับ หน้าตาเข้าขั้นอัปลักษณ์ แต่ตอนได้ฟังนี่อ้าปากค้าง เสียงกิ้งกรั้งมาก ใส ชัด จริงๆ

Rotel ชักขับไม่ไปแฮะ T__T

ซวยแล้วกรู ยังดีมีค่าขนมพิเศษจากการทำงานมาช่วยทำให้ถอย Musical Fidelity X-A1 มาเล่นกับ Dynaudio ได้
เสียงสุดสวรรค์มาก ฟัง Depache Mode แล้วมันสะใจวัยสะรุ่นมาก

แต่มันก็อยู่กับเราได้ไม่นา่น.....

Musical Fidelity โรงงานมันอยู่ตรง Wembley ใช่ครับสนามฟุตบอลนั่นแหละ เค้าส่งเอกสารมาบอกว่า เค้ามีลำโพงมีตำหนิอยู่เล้กน้อยอยากจะขายราคาพิเศษให้กับผู้มีอุปการะคุณ เป็นลำโพงที่ได้รางวัล What-HiFi 5 ดาว ของเขาชื่อว่า Kelly Transducer KT-2 ในราคาลดแรง จาก 800 เหลือแค่ 300 ปอนด์ เอาซิ อยากได้ลำโพงตั้งพื้น เพราะทำไมเราจะต้องเอาลำโพงวางหิ้งกลับบ้าน ที่บ้านก็มี ProAc อยู่แล้วนี่ ว่าแล้ว Dynaudio ที่รักก็ต้องปล่อยไปพร้อมกับรับเอาเจ้า Kelly เข้าบ้าน

งานเข้า

แน่นอน ลำโพงตั้งพื้นมัน Full Scale แต่รายละเอียดระดับเทพของ Dynaudio มันหายไปกับสายลมแล้ว แถมตู้ก็น่าเกลียด T__T

เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอีกครั้งในการเล่นของผม

แต่คุณภาพเสียงของ Kelly ที่ความไว 92 dB มันก็ดีวันดีคืน จนเรารู้สึกว่ามันไม่ได้ชั่วอย่างที่คิด แต่ด้วยความที่เป็น Tower ที่ไม่ได้หนักมาก ก็เลยมีวันโชคร้ายโดนคนชุ่ยเดินชน คนๆนั้นก็คือ แฟนเก่า นั่นเอง คุณเธอชมมันล้มแอ้งแม้ง แค่นั้นก็แย่แล้ว เปิดมาไม่มีเสียงออกมีแต่เสียงแหลม ซวยแล้วววววว เปิดมาแม่เหล็กหลุดออกมาเลย (เลยรู้ว่าดอกของ Vifa) เสียเวลาประกอบหน่อยก็แก้หายได้ แต่มันไม่มีวันเหมือนเดิม
ส่วนยัยแฟนนั่นก็งอน งอนเพื่อแก้เกี้ยว เพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองไม่ผิด โถอีวอกเอ้ยยยยย






หลังจากที่ set up ออกมาในแนวนี้ก็ไม่ได้แตะต้องอะไรอีกนาน เพราะตอนอยู่มหาลัยก็แค่ฟังอย่างเดียว ดีใช้ได้แล้ว ไปลองฟังบ้านคนอื่นก็คิดว่าของเราก็ OK นอกจากครั้งนึงไปฟังบ้านเพื่อนสนิท พ่อเค้าเล่นโคตรเครื่องเล่นแผ่นเสียง Turn Goldmund+ Pre Audio Research+Power Jadis& Jeff Roland ขับอภิมหาลำโพง Infinity IRS Beta ก็เรียกได้ว่า กระอักเลือด! เห็นอลังการงานช้างขนาดนี้พ่อเพื่อนยัดลงไปในห้องนอนเล็กกระจิ๋วหลิว แหมทำไปได้
แต่ที่เหลือก็กล้อมแกล้มน่า

ฟัง AE ตัวoriginal ก็ว่าแข็งไปหน่อย Celestion ก็อับทึบไปนิด AR ก็มัวๆ สรุปว่าซื้อแผ่นอย่างเดียวจนกระทั่งเรียนจบ ไม่ได้แตะเครื่องเลย ใช้ได้ใช้ดี

ตำนาน จะตำไปเรื่อยๆ






เมื่อนำเอา TAS Angela+Power+ProAc+Sub Cerwin แล้ว ชุด CD ของ NAD ก็ดูจะอ่อนชั้นเกินไปแบบช่วยไม่ได้ ตอนนั้นมีเครื่อง CD Brand ใหม่ที่มา่แรงเข้ามาเครื่องหนึ่งคือ Cambridge CD-2 16x16 16bit Oversampling 16 เท่า โอ้ว เสียงของมันทำเอาใจละลาย เสียง CD เวลานั้นฟังดู นุ่มนวล ไม่กระด้างเอาซะเลย แจ๋วสุดๆ เครื่องนี้และโปรแอคก็ได้มาจากร้าน Hi-End Sogo เนี่ยแหละ วันก่อนกน้านี้เดินสวนกับเฮียเจ้าของร้าน เรายังนึกในใจว่า แหมเกือบ 20 ปีเฮียหน้าไม่เปลี่ยนเลยนะ

เท่านี้ดีพอหรือยัง? ผมถามตัวเอง สมองก็ตอบว่าดีแล้วนา แต่ลึกๆผมว่ามันยังขาดนิดนึง และนิดนึงนั้นก็นำผมให้มาพบกับโลกของเครื่องเสียงหลอด

VTL by David Manley แอมพ์หลอดหน้าตาอัปลักษณ์ ขนาด 55W ราคาประมาณ 5 หมื่นตอนนั้นร้าน ไฮเอนด์ ก็เป็นคนขายเช่นกัน (อยากเข้าร้านอื่นเหมือนกัน แต่ดูไม่ค่อยรับแขกก็เลยเข้าแต่ร้านนี้) เถ้าแก่แนะนำให้ลองฟัง เอาแล้ววววว เจอของจริงอีกแล้ว คุณพ่อลองฟังก็เห็นด้วยว่า สุดยอดจริงๆ ในที่สุดก็ได้จับเข้าเข้าชุด เป็น combo ที่แสนซื่อสัตย์มานาน

CD Cambridge CD-2+Tas Angela>VTL Manley 55W>ProAc Super Tablette
> Mono Block 75W>Sub Cerwin Vega

ตำนาน (ต่ออีก)



ลืมแสดงรูปของ ProAc ให้เห็น ลำโพง ProAc เป็นหนึ่งในลำโพงระดับตำนานอีกคู่จาก สหราชอาณาจักร ที่ยังได้รับการพัฒนาต่อมาไม่หยุดยั้งถึงทุกวันนี้ ให้เสียงที่หวาน และมิติเสียงเฉียบขาด แม่นยำมาก ใครได้ลองแล้วยากที่จะลืมได้

การเล่น CD สมัยก่อน นั้นเงินเด็กนักเรียนไม่มีปัญญาอยู่แล้วครับ สิ่งที่พึ่งพาได้ก็คือ ห้องสมุดดนตรี ของบ้านทวาทศิน ไงครับ ที่นั้นริเริ่มให้ลูกค้าได้หยิบยืมแผ่นเพลงดีๆไปฟังที่บ้าน ซึ่งตอนผมไปเรียน รด.ที่ศูนย์วิภาวดีก็สบช่องได้ไปยืมไปคืนทุกวันพฤหัสเป็นประจำ ได้ฟังเพลงแจ๊ซ คลาสสิคดีๆก็จากที่นั่นแหละครับ
การซื้อของจากบ้านทวาทศินเป็นเหมือนความสัมพันธ์ที่ลืมไม่ลงอย่างนึงทีเดียวครับ และแม้ว่าภายหลังผมจะขายเครื่อง NAD ล้อตนั้นไปหมด ไม่เหลือหรอ ผมก็ยังอยากจะกลับมาเป็นลูกค้าคุณลานทิพย์อีกเสมอมา แต่ไม่มีโอกาสสักทีจนเมื่อต้นปีนี้เองที่ได้ถอย ซัพ Velodyne มา นับเป็นเวลาเกือบ 20 ปีที่ไม่ได้เป็นลูกค้ากันแต่ก็ยังได้รับเอกสาร Life&Entertainment จากบ้านทวาทศินมาโดยตลอด

เรื่องบริการลูกค้าต้องยกนิ้วให้เค้าเลยครับ

ตำนาน (ต่อ)




สงสัยว่าเทปคาสเซ็ตคงไม่มีเบสกระมัง เด็กรุ่นใหม่สมัยนี้คงไม่รู้หรอกว่าคนสมัยก่อนนะเค้าเล่น cassette กันในระดับ Hardcore มากๆ เครื่องเล่นเทประดับ 5-6 หมื่นก็มีนะ ปรับมันได้ทุกอย่าง ระดับที่เกินจินตนาการไปเลย แต่อย่างว่าที่ปรับๆไปก็ไว้ใช้ตอนอัด ตอนเล่นปรับอะไรไม่ค่อยได้หรอก
เพราะเครื่องดีๆมันสร้างมาให้อัดได้ดีเลิศ แต่เราไม่มีอะไรให้อัด เป็นแต่ซื้อมาฟัง เทปตลาดก็ห่วยแตกสิ้นดี ก็เลยไปถอยเอา NAD CD Player รุ่นอะไรก็จำไม่ได้มา เสียงดีขึ้นเยอะแต่ยังไงๆก็ไม่มีเบสอยู่ดี

(ภาพประกอบนั้น ไม่ใช่ของผมนะ แต่เป็นเครื่อง Nakamichi Dragon สุดยอดแห่งเครื่องเล่นเทป ดีที่สุดเท่าที่มนุษย์มีใช้กันแล้ว)

ทางออกก็คือ อ่าน อ่าน อ่าน สิ่งหนึ่งที่แว้บเข้ามาคือ ซัฟวูฟเฟอร์ ด้วยลุกอ้อนอีกเช่นเคย ซัพ เซอร์วิน วีการ์ 12 นิ้ว แบบฟาสซีพ ก็ได้เข้ามาร่วมชุด
แน่นอนว่า แอมพ์กระจิ๋วหลัวแบบ NAD นั้นไม่สามารถเล่น ซัพ 12 นิ้วได้แน่ๆ งานเ้ข้าอีกแล้ว

แต่ในเวลาเดียวกัน ความคิดที่จะอัปเปหิ Polk Audio นั้นไม่เคยจางหายไป เพราะเสียงแหลมสุดบาดใจของมันนั้นยิ่งวันก็ยิ่งเหลืออด นั้นก็เป็นการมาถึงลำโพงที่แสนซื่อสัตย์ของผม ProAc Super Tablette (ซึ่งปัจจุบันได้ยกให้อยู่ในความดูแลของลูกศิยษ์ที่สนิทกันไปแล้ว)
การมาถึงของ ProAc เปิดโลกทัศน์ให้กับผมมากในด้านHifi เพราะมันได้ถูกใช้เป็นตัวอ้างอิงของผมมานานแสนนาน แต่การมาถึงของ ProAc และ Cerwin Vega ก็แจ้งจบให้ integrate NAD ไปพร้อมๆกัน เพราะมันทั้งบอกว่า NAD เสียงบ้านๆไปหน่อยแถมแรงก้ไม่พอแล้ว

ทำไงล่ะ คุณพ่อที่ติดลมไปกับผมด้วยก็ เลยถอย ชุดเครื่องเสียงไทยทำ TAS Angela พร้อม Power Amp Mono Block 75W Class A มาแทนที่ ผลที่ได้นั้นทำเอาสองพ่อลูกปลื้มไปพักใหญ่เลยทีเดียว เพราะเสียงสะอาด และลื่นไหลกว่า NAD แบบเทียบไม่ได้



ตำนานเครื่องเสียงของข้าพเจ้า










ผมเคยเป็นคนนึงที่เล่นเองฟังเองมานานเป็น 20 ปี จนกระทั่งเจอรุ่นพี่คนนึงที่เว็ป siamsubaru เค้าแนะว่า จะเล่นให้สนุกต้องมีเพื่อน ซึ่งผมก็ว่าจริงเหมือนกัน
คงจะต้องท้าวความกลับไปไกลเหมือนกัน ว่ามาเล่นเครื่องเสียงได้อย่างไร เพราะแต่ก่อนตอนเราเป็น นักเรียนใส่ขาสั้น เมื่อ 20 ปีกว่าก่อน จะไปหาคนเล่นเครื่องเสียงในโรงเรียนก็หาไม่ค่อยจะมี ส่วนใหญ่จะเล่นดนตรีซะมากกว่า พวกเล่นเครื่องเสียงที่เห็นก็คือเพื่อนนั่งข้างๆคนเดียว ชุดเครื่องเสียงชุดแรกที่ได้สัมผัสก็คือ MiniCompo ของ Sony รุ่นวูฟเฟอร์ สี่เหลี่ยม 280W แบบยอดนิยมที่เพื่อนคุณพ่อเค้ายุให้ซื้อเข้ามาในบ้าน ตอนเด็กๆเราก็ว่าแหมแจ๋วไปเลย เสียงดีเหลือเกิน มี EQ ปรับได้ 7แบนด์จนกระทั่งไปได้ยินเครื่องเสียงเก่าๆของคุณอาเขยที่เขาใช้ รีซีฟเวอร์ Luxman กับลำโพง Roger LS3/5A เท่านั้นแหละงานเข้าเลย!
ไอ้เสียงของ Sony ใหม่เอี่ยม เมื่อเทียบกับ Luxman เชยๆนั้น เสียงที่เราเคยคิดว่าว่าเพราะพริ้งนั้นกลับกลายเป็นขยะไปในทันที เพราะเสียงจากเครื่องเก่าๆนั้นทำเอาอ้าปากค้าง ทำให้เราติดเบ็ดเขามาในโลกของ Hi-Fi ในทันที
หลังจากงานเข้าในครั้งนั้น เราก็หาทางอัพเกรดวิทยฐานะในทันที วิธีการที่ดีที่สุดของเด็กๆก็คือ "อ้อน" พร้อมชักชวนให้บุพการีเห็นคล้อยตามในการที่จะมีเครื่องเสียงดีๆในบ้านกะเค้าบ้าง ผลพลอยได้คือ
NAD 3225PE+ Teac cassette deck+ Polk Audio RT-7 (รุ่น 2ทางครึ่ง มีพาสซีพเรดิเอเตอร์ 10 นิ้ว)
ตอนแรกๆก็ดีล่ะครับ เสียงใส หวาน กุ้งกิ้ง มากดีใจสุดๆ

เอามาจับใส่ตู้โชว์ที่ทางคนทำอินทีเรียเค้าทำช่องใส่ลำโพงไว้สองข้าง ช่องเดิมนั้นใส่ลำโพง Fisher ของคุณพ่ออยู่ โอ้ยเสียงอู้มากๆ ไม่ได้เรื่องเลย ไม่เห็นเหมือนที่ร้านเลย มิติสเตอริโออะไรไม่รู้จักเลย สับสนชีวิตมาก อย่าลืมนะครับ 20 ปีที่แล้วข้อมูลอะไรให้ศึกษามันไม่รู้อยู่ไหน ไม่มี Net ไม่มีสารพัด (ลำโพง Fischer ของพ่อผมสายลำโพงยังเป็นสายโทรศัพท์เลย! พระเจ้า!!!)

ปรึกษาร้านๆก็แนะนำให้หาขาตั้งมาจัดวางใหม่ คราวนี้ดีขึ้น แต่เสียงก็ดันเจาะแจะ บาดหูเอาซะจริงๆ ย้ายห้องก็แล้ว หาพรมมาปูก็แล้ว แถมฟังไปฟังมาไม่มี Bass ซะอีกแฮะ หงุดหงิด